วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

หนังสือปีใหม่ จุลลสักกราช ๑๓๗๑ ปีกัดเป้า


หนังสือปีใหม่ ปีกัดเป้า
(ปีฉลู เอกศก) จ.ศ. ๑๓๗๑
ปกติมาส อธิกวาร ปกติสุรทิน
.
...มังคลวุฒิสิริศุภมัสตุ จุลศักราชได้ ๑๓๗๐ ตัว ปีชวดฉนำ กัมโพชพิไสย เข้ามาในคิมหันตอุตุ จิตรามาส กาฬปักข์ ปัญจมี ภุมมวารไถง ไทยภาษาว่า ปีเปิดใจ้ เดือน ๗ แรม ๕ ค่ำ พร่ำว่าได้วันอังคาร ไทวันกัดเป้า ตรงกับวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ยามนั้น ระวิสังขานต์มีตนเรื่อเรืองงามประดุจดังคำสิงคี สถิตอยู่ทิพย์วิมานมีนราศีประเทศ ก็ประดับตนด้วยเครื่องอาภรณ์วิเศษอลังการสีดังแก้วปพาฬผ่องแผ้ว คือว่าสีแดงแสดเลิศแล้ว ประดับตนด้วยรัตนมณีแก้วปพาฬ อันเรืองรุ่ง รัศมีพุ่งงามตา มีหัตถามือซ้ายบนถือลูกประคำผ่องแผ้ว มือซ้ายลุ่มถือกระออมแก้วอันงามโสภา มีมือเบื้องขวาบนนั้นก็มาถือจักร มือขวาลุ่มเอาพาดตักแห่งตนไว้หมั้น ได้กาลยามดี ยามนั้นก็เสด็จยืนก้มหน้าอยู่บนหลังสีหราชา คือพญาราชสีห์ตนองอาจ เสด็จยัวริยาตรจักไปสู่เมษราศี ก็ออกจากทิพย์วิมานคำดีผ่องแผ้วด้วยประตูอันอยู่หนอุตระ คือทิศเหนือแล้ว ยกย่างลีลาด้วยพหุพลนิกายโยธาไปสู่อิสานะทิศา คือตะวันออกเฉียงเหนือดั่งอั้น ยามนั้นเป็นเวลายามตูดรุ่ง เวลา ๐๑ นาฬิกา ๘ นาที ๒๔ วินาที คนทั้งหลายจิ่งเรียกว่าวันสังขานต์ล่อง
.
ยามนั้น ยังมีนางเทวดา ชื่อมัณฑะหมอบตนรับเอา ปีนี้สังขานต์ไปวันอังคาร จักเดือดร้อนแก่ชาวเมือง จักเกิดเปนกลียุค วิวาทบาดหมางผิดเถียงกัน จักร้อนใจแก่เจ้าบ้านเจ้าเมือง พระราชามหากษัตริย์ บ้านเมืองจักแล้ง สรมชาวเจ้าจักเดือดร้อนใจ ข้าวจักมีราคาแพง ของใช้จักขึ้นราคา ของแดงลายและลูกไม้ผลไม้บ่สู้มีราคา จักวิวาทกันด้วยคำบ้านคำเมือง ปีนี้ฝนตกบ่เสมอ หัวปีมีมาก กลางปีบ่มีหลาย หล้าปีก็จักมีอยู่พ่อง ชารสดินบ่ดี สัตว์ ๔ ตีน ๒ ตีนจักมีภัย จักหันแผ่นดินแตกในเมือง เจ้าขุนผู้ใหญ่จักตาย จักมีอุบาทว์ใหญ่ในบ้านเมือง คนเกิดวันอาทิตย์จักมีเคราะห์ใหญ่ คนเกิดวันจันทร์จักมีโชคลาภ



...ในวันสังขานต์ไปนั้น จุ่งหื้อพากันสระเกล้าดำหัวยังแม่น้ำ ทางไคว่ เค้าไม้ใหญ่นอกบ้านชายคา อว่ายหน้าไปสุ่ทิสะหนใต้ แล้วเอาน้ำส้มป่อยดำหัว อาบองค์สรงเกศเกล้าด้วยมนต์วิเศษ สรูปเภทเป็นคาถา ว่า “สัพพะทุกขา สัพพะภะยา สัพพะอันตรายา สัพพะทุนนิมิตตา สัพพะคะหา สัพพะอุปัทวา วินาสันตุฯ”
ปีนี้ศรีอยู่ดัง กาลกิณณีอยู่ปาก จังไรอยู่บ่า เอาส้มป่อยเช็ดคว่างเสีย ปีนี้ผีหัวหลวงเป็นยักษ์อยู่ทิศเหนือ ดำหัวอย่าบิ่นหน้าไปทางทิศนั้น แล้วมานุ่งผ้าใหม่เหน็บดอกไม้นามปี ปีนี้ดอกเก็ดถะหวา เป็นพญาดอก ควรเอามาเหน็บเกศเกล้ามวยผมและเหน็บไว้ประตูบ้าน ประตูเรือน เป็นมังคละ จักอยู่สุขะสวัสสะดีชะแล
.
...ในเดือน ๗ แรม ๖ ค่ำ พร่ำว่าได้วันพุธ ตรงกับวันที่ ๑๕ เมษายน ไทวันกดยี เปนวันปูติ คือวันเน่า ปีนี้เน่าวันเดียว อย่าไปทำมงคลในวันนี้ อย่าไว้วิวาทผิดเถียงเดือดด่า หื้อได้พากันขนทรายเข้าวัด กวาดข่วงไม้สรี พระเจดีย์ วิหาร จักได้พ้นเคราะห์กับตน กับบ้านกับเมือง และพระพุทธศาสนา
ในเดือน ๗ แรม ๗ ค่ำ พร่ำว่าได้วันพฤหัสบดี ตรงกับวันที่ ๑๖ เมษายน ไทวันร้วงเหม้า เป็นวันพญาวัน พระสุริยะอาทิตย์เสด็จทิพย์วิมานในเวลากาลได้ยามรุ่งเช้า เวลา ๐๕ นาฬิกา ๐๖ นาที บ่มีปลาย
ยามนั้นจุลศักราชขึ้นแถม ๑ ตัว เปนจุลศักราช ๑๓๗๑ ตัว ฉลูฉนำ กัมโพชพิสัย ไทยภาษาว่าปีกัดเป้า หื้อได้พากันกระทำบุญหื้อทาน เจดีย์ทราย ช่อ ตุง ไม้ค้ำสรี หื้อพากันทำมังคละกับวัดวาอาราม บ้านช่อง หอเรือน และปูชาสระสรงองค์พุทธรูปเจ้า มหาเจติยะ พระธาตุ พระบฏ พระบาท ไม้สรีมิ่งบ้าน และอารักษ์เจนเมือง มิ่งเมือง อย่าประหมาทด้วยเหตุเคราะห์เมืองจักมี แล้วหื้อพากันดำหัวครูบาสังฆะ พ่อเถ้าแม่อุ้ย และพ่อแม่ เพื่อขอเตชะปารมีไว้กับตนหื้อเปนมงคลตลอดปีอยู่สุขสวัสสดีมีโชคลาภ ถุถั่งหลั่งมา ฮิมาค้าขึ้น อยู่เย็นเป็นสุขตลอด
.
...ปีนี้เศษ ๓ ชื่อ อัชฌุสวัสสะ แพะรักษาปี แร้งรักษาเดือน นกยูงรักษาป่า กระต่ายรักษาน้ำ ภุตตะยักขะเทวบุตรรักษาอากาศ จัณฑาลรักษาแผ่นดิน ผู้หญิงเป็นใหญ่แก่คนทังหลาย นกเขาไฟเป็นใหญ่แก่สัตว์ ๒ ตีน กระต่ายเป็นใหญ่แก่สัตว์ ๔ ตีน ไม้เปาเป็นใหญ่แก่ไม้ทังมวล ผีเสื้ออยู่ไม้ข่อย ไม้เหงเป็นใหญ่แก่ไม้จิง ไม้ซางเป็นใหญ่แก่ไม้กลวง หญ้าแพรดเป็นใหญ่กว่าหญ้าทังมวล ขวัญเข้าอยู่ไม้ซาง รสดินบ่มีหลาย เข้ากล้าถั่วงาบ่ดี เข้าจักลีบ คนเกิดปีนี้มีความโกธะมาก อายุ ๕๐ ปีจักตาย
.
...ปีนี้นาคหื้อน้ำ ๒ ตัว บันดาลหื้อฝนตก ๔๐๐ ห่า ชื่อพุธาธิปติ ตกในมหาสมุทรและเขาสัตตปริภัณฑ์ ๑๙๑ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๑๓๓ ห่า ตกในมนุสสโลก ๗๖ ห่า
.
...ปีนี้เทวดาวางเครื่องประดับหนอิสาน ปาปะลัคนาอยู่หนอิสาน ปาปะเคราะห์อยู่หนหรดี ทิศะเหล่านี้เป็นอัปปมงคล บ่ดีไปค้าไปศึกทิศนั้น บ่ดีทำมงคลแก่บ้านเมืองในทิศนั้น บ่ดีปกเสาเอกมงคลในทิศนั้น จักเสียสรีเตชะ
.
...อตีตวรพุทธศาสนาคลาล่วงแล้วได้ ๒๕๕๑ พรรษาธิกาปลาย ๑๑ เดือน ๗ วัน นับแต่วันพญาวันคืนหลัง อนาคตะศาสนาอันจักมาภายหน้า ค้างอยู่แถมบ่หน้อย ๒๔๔๘ พรรษาธิกาปลาย ๒๓ วัน เหตุนับแต่วันปากปีไปเอามาบวกกับกันก็เต็มห้าพันพระพรรษาถ้วนบ่มีเศษ เหตุตามฎีกาที่มหาพิลางคสัมมิหรสีเจ้า หากวิสัชนาแต่งแปลงสืบๆ มา ก็ปริปุณณาแล้วแล ๚๛
.
(พระครูอดุลสีลกิตติ์ วัดธาตุคำ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้วิสัชนาปล่านแปลงแต่งแต้มทำนายพยากรณ์ แล)
credit: http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=sasis&date=25-02-2009&group=1&gblog=22 สรียินดีจ้าดนักครับผม

4 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อาจารย์คะ

สิบสี่ เมษา ปีนี้ ไม่รู้ทำไม รู้สึกดีเป็นพิเศษเลยค่ะ

บทความอาจารย์ก้อ ดีค่ะ

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง กับ เกรดที่ออกมานะคะ


ถ้ามีโอกาสจะไปยืมหนังสือของอาจารย์ค่ะ


สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะอาจารย์

จาก ช่อแก้ว

คนชายขอบ กล่าวว่า...

แม้พญาอินทรีย์หรือนกบินสูงชนิดใด
จะเหินฟ้าสูงนานและกว้างไกลเพียงใด
แต่ในที่สุดก็ต้องบินลงมาหาอาหาร...
ไม่ว่าจะมองเห็นแผ่นดินในระดับมหภาคเพียงใด
แต่สุดท้ายบินลงมาที่ระดับจุลภาค
มองให้เห็นเหยื่อ ณ จุดใดจุดหนึ่ง
และต้องจับเหยื่อให้ได้เพื่อที่จะมีอาหารและมีชีวิตอยู่ต่อไป
..ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิธีการมองของนกที่จักต้องมองเห็นได้ดีทั้ง 2ระดับและไม่อาจปฎิเสธวิธีมองอย่างใดอย่างหนึ่งได้เลย....

...ขอบคุน...ที่ให้ผ่าน
หวังว่าคงได้เจอ..หรือไม่ได้เจอกัน
เป็นเรื่องของอนาคตและดวง
.......................

คนชายขอบ กล่าวว่า...

อ้อ...
เกือบลืม
ขอโทษด้วย...
หากแสดงกิริยาที่ไม่ดีต่ออาจารย์
.....................

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หนังสือปี๋ใหม่บ่ะเด่วมันเขียมแล้วก๊ะน้อยเหย